ให้ความบันเทิงเหมาะสม เพียงใด

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ครอบครัวและความรัก

๑๙ พ.ย. ๒๕๕๓ ขอแสดงความยินดีกับครอบครัวใหม่ ของสกุล "จันทรชิต" เจ้าบ่าว ปรนัศร  จันทรชิต เจ้าสาว พิชชา   ฉัตรธนาอนันต์ ซึ่งได้จัดพิธีหมั้นและแต่ง ตลอดจนรดน้ำสังข์ โดยญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมแสดงความยินดีและอวยพรให้ทั้งคู่จงมีแต่ความสุข ร่ำรวย มีบุตรที่ดีอภิชาตบุตร โดยมี คุณปู่ศรชัย - คุณย่าจันทร  จันทรชิต เป็นนผู้เฒ่าผู้แก่ได้ดำเนินพิธีการตามประเพณีทั้งจีนและไทยได้อย่างลงตัว ถึงกับเรียกน้ำตาแห่งความปิติจากญาติทั้งสองฝ่าย จึงขอขอบพระคุณต่อความเมตตาแก่หลานทั้งสอง มีภาพบรรยากาศแห่งความสุขมาให้ทุกคนได้ชมด้วยนะ






เตรียมขันหมาก ก่อนตั้งขบวนแห่นำเจ้าบ่าวไปหมั้นเจ้าสาว  ที่ ห้องประชุมกรมแพทย์ทหารเรือ
เจ้าบ่าว กับพี่ติ๋ว,เนสและวุฒิ เจ้าบ่าวมีความสุขมาก
บุคคลสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือย่าจันทรและยายชุ่ม
คุณป้าติ๋ม,คุณป้านิด,พี่แอ๋ว,พี่อุ๋ยและน้องก้อย มารอแห่ขันหมาก

คุณปู่ศรชัย บุคคลสำคัญอกีคนหนึ่ง นำขบวนด้วยตะกร้ามงคล ต้องกราบขอบพระคุณ อาแปะชิง ผู้จัดการร้านส่องแสง อำเภอขุขันธ์ที่อนุเคราะห์ให้ยืมชุดขันหมากตามประเพณีจีน ทำให้ขบวนขันหมากสมบูรณ์เป็นมงคลยิ่ง

ก่อนตั้งขบวน ต้องสำรวจความเรียบร้อยของเจ้าบ่าวก่อน คุณแม่นงเยาว์  จันทรชิต ดูแลอย่างใกล้ชิด
กลัวเจ้าบ่าวจะร้อน คุณพ่อปฏิญญา ก็ต้องกางร่มให้ กลัวน้อยหน้าคุณแม่



วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประเพณีแซนโฎนตา ขุขันธ์วิทยา

ประเพณีแซนโดนตา
ในท้องทุ่งกว้าง ใต้แสงตะวัน
เด็ก ๆ (โกนเจา)ได้เรียนรู้และสัมผัสวิถีชีวิตวัฒนธรรมที่เรียบง่าย
โดยมีผู้ใหญ่ ครอบครัว ชุมชน และธรรมชาติเป็นครู
โลกแห่งการเรียนรู้ของเด็กน้อย วัยใส
จึงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ร่าเริง และรื่นรมย์  จนกระทั่งฉันเติบโต เห็นในคุณค่าของสิ่งที่สืบทอดมาจาก แม เอว ตา เย็ย.......
1
......ประเพณีแซนโดนตา.....
                
เป็นประเพณีหนึ่งที่มีความสำคัญที่ปฏิบัติทอดกัน มาอย่างช้านานของชนเผ่าเขมรเป็นการแสดงออก ถึงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ สะท้อนให้เห็นถึงความรักความกตัญญูของสมาชิกในครอบครัว แซนโดนตา หมายถึง การทำบุญให้ยาย และตา หรือบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ตรงกับวันแรม ๑๔ ค่ำเดือน ๑๐ ชาวเขมรถือว่า เป็นวันรวมญาติซึ่งทุกคนจะไปรวมกัน ณ บ้านที่จุดศูนย์กลางของครอบครัวโดยเฉพาะ บ้านของผู้ที่อาวุโส ที่สุดของครอบครัว ผู้ที่จะมาต้องเตรียมของเซ่นไหว้  (นม แนก เจก อันซอม) เช่น ไก่ เนื้อ หมู ปลา ข้าวสาร ข้าวสวย กล้วย ผลไม้ ขนม กระยาสารท และข้าวต้มหางยาว ใส่ กันเจือโดนตาเพื่อมาไหว้บรรพบุรุษของโดยมีความเชื่อกันว่าผู้ที่ตายแล้ว จะต้องไปอยู่ที่ยมโลก เมื่อถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 วิญญาณก็จะได้รับอนุญาต ให้มาเยี่ยมลูกหลานในเมืองมนุษย์ การเดินทางอันแสนไกลนี้ ทำให้เหน็ดเหนื่อยหิวโซ ต้องแวะตามวัดต่างๆ เพื่อให้ได้รับส่วนบุญที่ลูกหลานอุทิศส่งไปให้ หากไม่ได้รับวิญญาณบรรพบุรุษก็จะโกรธและสาปแช่งเป็นผลทำให้ลูกหลาน โกนเจาหากินไม่ขึ้น 
002
 ...
แต่ถ้าหากว่าลูกหลานทำพิธีแซนโดนตาให้วิญญาณบรรพบุรุษก็จะอวยชัยให้พรให้ลูกลานเจริญก้าวหน้าในทุกๆด้าน
ด้วยความเชื่อนี้จึงมีการเซ่นและทำบุญล่วงหน้าเพื่อให้ วิญญาณบรรพบุรุษได้เสวยบุญจะได้มีแรงมาเยี่ยมลูกหลาน จึงมีการทำขนมข้าวต้มตั้งแต่วันขึ้น 14 ค่ำ และรุ่งขึ้น 15 ค่ำ ก็จะนำอาหาร ขนม ข้าวต้ม ไปทำบุญที่วัดเรียกว่า "ดาร" ตอนนี้เรียกว่า "เบ็นตูจ" (สาร์ทเล็ก) เล่ากันว่าผีส่วยกับผีลาว จะหิวเร็วกว่าผีเขมร ทางหมู่บ้านส่วยส่วยกับลาวจึงจัดกันในวันเบ็นตูจ ส่วนหมู่บ้านเขมรในวันแรม 14 ค่ำ จะมีการทำบุญ ครั้งใหญ่อีกครั้ง เรียกว่า " เบ็นทม" ซึ่งห่างจาก "เบ็นตูจ " 15 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่วิญญาณทั้งหลายได้รับอนุญาตให้มาเยี่ยม ลูกหลาน ดังนั้นในช่วง 15 วันนี้จะมีประเพณีทำบุญให้ทานอย่างต่อเนื่องกันจนครบ 15 วัน เรียกว่า "กันสงฆ์"

"
จูนโดนตา" เป็นประเพณีอย่างหนึ่งคือก่อนถึง " เบ็นทม " บรรดาลูกหลานที่แต่งงานไปเป็นเขย หรือ สะใภ้อยู่หมู่บ้านอื่น หรือที่อยู่ ต่างจังหวัดไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม จะต้องส่งข้าวสาร์ท กันจือโดนตานี้ไปให้พ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย  เพื่อให้ท่านได้ใช้เครื่องเซ่นนั้นทำพิธีเซ่นต่ออีกทีหนึ่ง  ส่วนปู่ ย่า ตา ยาย ก็จะมอบสิ่งของตอบแทนให้ จะเป็นผ้าซิ่น ผ้าไหม หรือสิ่งใดก็แล้วแต่ เป็นรางวัลให้ลูกหลานผู้รู้จักกตัญญู    ในช่วงหัวค่ำวันเดียวกัน จะมีการ เฮาโดนตา เมื่อพี่น้องลูกหลานมาพร้อมหน้ากันแล้วก็ทำพิธีจุดธูปเทียน  โดยผู้อาวุโสที่สุดจะเป็นผู้บอกกล่าวอัญเชิญวิญญาณของบรรพบุรุษ  คนแก่เขาจะรู้ขั้นตอนนี้ดีจะมีคำกล่าวคำเชิญเฉพาะ  แต่ผู้ที่ไม่เป็นก็เพียงแค่กล่าวเอ่ยชื่อ นามสกุลของบรรพบุรุษให้ถูกต้อง มีศักดิ์เป็นปู่เป็นทวดอย่างไรก็เอ่ยให้ถูกต้องก็ใช้ได้แล้ว  และคนกล่าวอาวุโสรองลงมาตามลำดับ  จะต้องเอ่ยชื่อ ของบรรพบุรุษให้ถูกต้องครบถ้วนทุกคน  เพื่อให้มากินของเซ่นโดยทั่วกัน ถ้าเรียกชื่อไม่ถูกเขาไม่มากินของเซ่นนะ ใ นขณะกล่าวเชิญก็กรวดน้ำไปด้วย เรียกว่า "แซนโดนตา " หรือ เฮาโดนตาโดนเย็ย...
โดยเริ่มกล่าว แซนโดนตาดังต่อไปนี้  .............          
  
"นะโมเมนะมัสการ อัญจัญตีวดา นองสถานทินิแนะสถานตีปะเสง ๆ เออะตองมะเหสะสะเมืองแดนสะเตือล เนิวนองสถานตีวนิ แนะสถานตีปะเสง ๆ ออย ตองขมอจมีบาโดนตา  ไถงนิ ไถงก็เจีย เวลีย์ก็ละออ  ขยมซมอัญจืญโจลโมรับเกรือง โฮบปซา กะนองเวลียนิปรอม ๆ คเนีย โฮบปซา กระยาบูเจีย กะนองวีเลียนิ ออปรวม  คเนีย (แล้วรดน้ำอัญเชิญพร้อมกล่าวว่า ) แม เอิว แยย ตา โมดอลเหย ออยเลียงใดเลียงจึงโมโฮบปซา แดลโกนเจารีบตะตูล เมียนสรา นมเนกเจกอันซอม กรุบกรึงเหยนา อัญจือโมโฮบปซาออยบอรโบรร.... "
001 ลูกหลานโกนเจาทุกคนก็ช่วยกันจับของเซ่นลงกันจือโดนตา  เมื่อครบทุกคนแล้วก็หยุดพักระยะหนึ่ง รออีกระยะประมาณ ๓-๔ นาที ก็รินน้ำ เหล้า น้ำส้ม ใหม่ แล้วทำพีธีต่ออีกจนครบคนละ 3 รอบ  รอบสุดท้ายนี้ให้รวมหยาดน้ำพร้อมกันเป็นอันเสร็จพิธี  แล้วนำเครื่องเซ่นส่วนหนึ่งออกไปโปรยข้างนอกเพื่อเผื่อแผ่แก่ผีพเนจร ผีไม่มีญาติ ผีอื่น ๆ ตามความเชื่อ  แต่ผู้เฒ่าผู้แก่จะยังทำพิธีเซ่นไหว้และกรวดน้ำนี้เป็นระยะ  บางคนก็ทำตลอดคืน  ตื่นนอนเมื่อไรก็เซ่นไหว้กันตอนนั้น  ดึก ๆ เงียบสงัดจะได้ยินเสียงบ้านไกล้เรือนเคียงร้องเรียกวิญญาณบรรพบุรุษดังมาเป็นระยะ ๆ  บางครั้งก็ให้รู้สึกโหยหวนวังเวงน่าขนลุกเหมือนกัน  (เหอ ๆ ๆ).....
พอได้เวลาตีสาม หรือเวลาประมาณ 3 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น(แรม 15 ค่ำเดือน 10 )  ชาวบ้านก็จะนำเครื่องเซ่นนี้ไปแห่เวียนรอบศาลาวัดหรืออุโบสถ 3 รอบ แล้วนำขึ้นไปให้พระสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลทำพิธีกรรมทางศาสนา  โดยนำขนมข้าวต้ม กล้วยเป็นกระบุง ไก่ย่างเป็นตัว อาหารคาวหวานผลไม้ต่าง ๆ ตามที่กล่าวถวายพระแล้ว  พระจะได้ฉันมื้อนี้แต่เช้ามืด


003

เสร็จแล้วชาวบ้านก็จะนำเครื่องเซ่นที่พระสวดแล้วไปวางตามสถานที่ที่เหมาะสมเช่น ตามรั้ววัด ตามธาตุเจดีย์  หรือตามโคนไม้  เพื่อผีวิญญาณเร่ร่อนจะได้มากิน  บางคนก็นำออกไปวางตามไร่นาของตน ตามที่คิดว่าน่าจะมีผีเจ้าสถิตย์อยู่ สำหรับผู้ที่อยู่ทางบ้านจะเตรียม "บายบัดตะโบร" หมายถึง กระทงใส่ก้อนข้าวสุกจำนวน ๔๙ ก้อน (เนื่องจากเชื่อว่านางวิสาขาปั้นอาหารมาถวายพระพุทธเจ้า พระองค์ฉันเพียง ๔๙ เม็ด เท่านั้น) เพื่อนำไปถวายพระในตอนเช้า เสร็จพิธีแล้วจะนำบายบัดตะโบรไปใส่ไร่นา เพื่อให้เกิดความสิริมงคลข้าวปลาในไร่นาจะได้อุดมสมบูรณ์ต่อไป
ประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติตามประเพณีนี้ ทำให้รู้จักการกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ  สืบสานพระพุทธศานา มีวัฒนธรรมและจารีตที่งดงาม
*ประเพณีแซนโดนตานี้ เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากๆเลย ที่อาหารหรือของที่นำมาแซนโดนตานี้  หลังจากผ่านการเซ่นแล้ว  อาหารทุกอย่างจะจืดชืด เย็น และไม่มีรสชาดของอาหารนั้น หลงเหลืออยู่เลย  เพราะว่าโดนตามากินของที่เซ่นนี้จริงๆ .....ถ้าไม่เชื่อในตอนเช้าลองเอาของที่เขาเซ่นแล้ว (อย่างเช่นไก่ย่างชิ้นโตๆทั้งตัวที่เซ่นแล้ว) มารับประทานดู จะเย็น จืดชืด และไม่มีรสชาดของอาหารนั้นหลงเหลืออยู่เลย หากเปรียบเทียบกันไก่ย่างที่ไม่ได้ผ่านการเซ่น จะยังคงมีรสชาดของไก่ย่างอยู่..... ก็น่าแปลกเหมือนกัน.......
*มีความเชื่อเกี่ยวกับประเพณีแซนโดนตาอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า......ถ้ามีลูกหลานคนไหนไปทำงานที่กรุงเทพแล้วไม่ยอมกลับมาบ้านเกิดโดยทางบ้านไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง   ในช่วงหัวค่ำพิธี เฮาโดนตา จะเรียกชื่อให้คนนั้นมากินของเซ่นนี้ด้วย  ถ้าหากว่าคนที่ถูกเรียกชื่อให้มากินนี้ยังมีชีวิตอยู่  เขาจะกระวนกระวายจนอยู่ไม่ได้และต้องกลับมาที่บ้านเกิดของตัวเอง  ก็เป็นวิธีการเรียกลูกหลานที่ ปราจ เซราะ” (พรากหมู่บ้าน) ที่ได้ผลดีทีเดียว.......ซึ่งถ้าหากว่าเป็นเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ก็บอกได้คำเดียวว่าหมดสิทธิ์ครับ...
45

วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พระบรมราโชวาท การดำรงชีพ

คนเราเมื่อมีความสามารถที่ดีเป็นทุนรอนอยู่ ก็จะไม่มีวันอับจน ย่อมหาทางสร้างตัวสร้างฐานะให้ก้าวหน้าได้เสมอ ข้อสำคัญในการสร้างตัวฐานะนั้น จะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไปด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ
พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น
18 ธันวาคม 2540
คนเราถ้าพอใจในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิด อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข
พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
4 ธันวาคม 2541
คำว่าพอเพียงความหมายอีกอย่างหนึ่ง มีความหมายกว้างออกไปอีก ไม่ได้หมายถึงการมีพอสำหรับใช้เองเท่านั้น แต่มีความหมายว่า พอมีพอกิน พอมีพอกินนี้ก็แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง
พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
4 ธันวาคม 2541
ให้พอเพียงก็หมายความว่า มีกิน มีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้แต่ว่าพอ แม้บางอย่างอาจจะดูฟุ่มเฟือย แต่ถ้าทำให้มีความสุข ถ้าทำได้ก็สมควรที่จะทำ สมควรที่จะปฏิบัติ
พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
4 ธันวาคม 2541
เศรษฐกิจพอเพียงนี้ให้ปฏิบัติเพียงครึ่งเดียว คือไม่ต้องทั้งหมด หรือแม้จะเศษหนึ่งส่วนสี่ก็พอ ได้ปฏิบัติเกี่ยวกับการพัฒนามาช้านานแล้ว มาบอกว่าเศรษฐกิจพอเพียงนี่ดีมาก แล้วก็เข้าใจว่าปฏิบัติเพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ก็พอนั้น หมายความว่า ถ้าทำได้เศษหนึ่งส่วนสี่ของประเทศก็จะพอ ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงและทำได้เพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ก็พอนั้น ไม่ได้แปลว่า เศษหนึ่งส่วนสี่ของพื้นที่ แต่เศษหนึ่งส่วนสี่ของการกระทำ
พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
4 ธันวาคม 2541
อันนี้ก็ความหมายอีกอย่างของเศรษฐกิจ หรือ ระบบพอเพียง เมื่อปีที่แล้วตอนที่พูดพอเพียง แปลในใจ แล้วก็ได้พูดออกมาด้วย ว่าจะแปลเป็น SELF-SUF-FICIENCY (พึ่งตนเอง) ถึงได้บอกว่าพอเพียงแก่ตนเอง แต่ความจริงเศรษฐกิจพอเพียงนี้กว้างขวางกว่า SELF-SUFFICIENCY คือ SELF-SUFFICIENCYนั้น หมายความว่า ผลิตอะไร มีพอที่จะใช้ ไม่ต้องไปขอซื้อคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง (พึ่งตนเอง)”
พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
4 ธันวาคม 2541
ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาได้ด้วยความเป็นธรรม ทั้งในเจตนาและการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญหรือด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่นพระราชดำรัสพระราชทานในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ทรงครองราชย์ครบ 50

พระบรมราโชวาท เกี่ยวกับการศึกษา

"...งานด้านการศึกษา เป็นงานสำคัญที่สุดอย่าง หนึ่งของชาติ เพราะความเจริญและความเสื่อมของชาตินั้น ขึ้น อยู่กับการศึกษาของ พลเมืองเป็นข้อใหญ่ จึงต้องจัดการศึกษาให้เข้มแข็ง ยิ่งขึ้น..."  
    
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ณ วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร 12 ธันวาคม 2512  

 

"...มหาวิทยาลัย มุ่งสั่งสอนนักศึกษาให้เป็นคนเก่ง ซึ่งเป็นการดี แต่นอกจากจะสอนให้เก่งแล้วจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะอบรมให้ดีพร้อมกันไปด้วย ประเทศเราจึงจะได้คนที่มีคุณภาพพร้อมคือ ทั้งเก่งและทั้งดีมาเป็นกำลัง ของบ้านเมือง..."  
    
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะผู้บริหาร
และสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยต่าง ๆ
ณ ศาลาดุสิดาลัย 3 ตุลาคม 2533  

 

"...ผู้ที่เป็นครูอาจารย์นั้น ใช่ว่าจะมีแต่ ความรู้ในทางวิชาการ และในทางการสอนเท่านั้นก็หาไม่ จะต้อง รู้จักอบรมเด็กทั้งในด้าน ศีลธรรมจรรยาและวัฒนธรรม รวมทั้งให้มีความสำนึก รับผิดชอบในหน้าที่ด้วย..."  
    
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ของ วิทยาลัยวิชาการศึกษา15 ธันวาคม 2503  

 

"...การศึกษาเป็นเครื่องอันสำคัญในการพัฒนา ความรู้ความคิด ความประพฤติ ทัศนคติ ค่านิยมและคุณธรรมของบุคคล เพื่อให้เป็น พลเมืองดีมีคุณภาพและประสิทธิภาพ เมื่อบ้านเมืองประกอบ ไปด้วย พลเมืองที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ การพัฒนาประเทศ ชาติก็ย่อม ทำให้ได้โดยสะดวกราบรื่นได้ผลที่แน่นอน และรวดเร็ว..."  
    
พระราชดำรัส พระราชทานแก่ครูใหญ่
และนักเรียน ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต
22 กรกฎาคม 2520  

 

"...การสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าทุกอย่างนั้น ต้องเริ่มต้นที่ การศึกษาพี้นฐานเดิมก่อน เมื่อได้ศึกษาทราบ ชัดถึงส่วนดีส่วนเสียแล้ว จึง รักษาส่วนดีที่มีอยู่แล้วให้คงไว้ แล้วพยายาม ปรับปรุงสร้างเสริมด้วยหลัก วิชา อันประกอบด้วยเหตุผลและความสุจริตจริงใจ ให้ค่อยเจริญงอกงามมั่นคงบริบูรณ์ยิ่ง ๆขึ้นไป..."  
    
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 1 พฤศจิกายน 2528  

 

"...ความรู้ที่ใช้ได้ผลนั้น ต้องเป็นความรู้ ที่ถูกต้อง แม่นยำ ชำนาญ นำมาใช้การได้ทันที และนอกจากความรู้ด้าน ลึก คือ วิชาเฉพาะสาขาที่ ศึกษามาโดยตรงแล้ว ความรู้ด้านกว้าง คือ วิชาการอื่น ๆทั่วไป ย่อม เป็นปัจจัยประกอบส่งเสริมอีกส่วนหนึ่งด้วย..."  
    
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ของ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 24 มกราคม 2532  

 

"...ผู้ที่เป็น ครู จะต้องนึกถึงความรับผิดชอบ เพราะว่าถ้าเป็นครูแล้วลูกศิษย์จะต้องนับถือ ได้ ต้องวางตัวให้เหมาะสมกับที่เป็นครู ไม่ใช่วางตัวอย่างหนึ่งแล้วมาสอนอีกอย่างหนึ่ง..."  
    
พระราชดำรัส พระราชทานเนื่องในวันการศึกษาสัมพันธ์ 
ณ วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร 15 มีนาคม 2512  

 

"...ครูที่แท้จริงนั้นต้องเป็นผู้ทำแต่ความดี คือต้องหมั่นขยันและ อุตสาหะพากเพียร ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละ ต้องหนักแน่นอดทน และอดกลั้น สำรวมระวังความประพฤติปฏิบัติของตน ให้อยู่ในระเบียบ แบบแผนที่ดีงาม รวมทั้งต้องซื่อสัตย์ รักษาความจริงใจวางใจเป็นกลาง ไม่ปล่อยไปตามอำนาจอคติ..."  
    
พระราชดำรัส พระราชทานแก่ครูอาวุโส 28 ตุลาคม 2523  

 

"...ครูจะต้องตั้งใจในความดีอยู่ตลอดเวลา แม้จะเหน็ดเหนื่อย เท่าไรก็จะต้องอดทนเพื่อพิสูจน์ว่าครูนี้เป็นที่ เคารพสักการะได้ แต่ถ้าครู ไม่ตั้งตัวในศีลธรรมถ้าครูไม่ทำตัวเป็น ผู้ใหญ่เด็กจะเคารพได้อย่างไร..."  
    
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะครู
โรงเรียนราษฎร์ทั่วราชอาณาจักร 
ณ ศาลาผกาภิรมย์ 8 พฤษภาคม 2513  

 

"...ครูนั้นจะต้องให้ความรู้แก่เด็ก ๆ ด้วยความเมตตา ด้วย ความหวังดี คือ ด้วยความเมตตาต่อผู้ที่เป็น ลูกศิษย์ และด้วยความหวังดี ต่อส่วนรวม เพราะถ้าส่วนรวมประกอบด้วยบุคคล ที่มีความรู้ดี ส่วนรวมก็ไปรอด..."  
    
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะ
อาจารย์และนักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวล
ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน 27 พฤษภาคม 2513  

 

"...การที่ได้มีโอกาสมาเรียนในต่างประเทศ นับว่าเป็นประโยชน์ เพราะหลายประเทศ มีความก้าวหน้าในด้านวิชาการ แต่ควรจะพิจารณา ด้วยสติปัญญาว่า อะไรที่ควรจะรับมาเป็น ประโยชน์แก่บ้านเมือง แล้วนำ เอาวิชาความรู้กลับไปช่วยบ้านเมือง..."  
    
พระราชดำรัส พระราชทานแก่นักเรียนไทยในสหรัฐอเมริกา
ณ โรงแรมพลาซ่า นิวยอร์ค 8 มิถุนายน 2510  

 

"...โลกปัจจุบันเต็มไปด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ฉะนั้น ก่อนที่จะปักใจเชื่ออะไรลงไปควรพิจารณาดู เหตุผลให้ถ่องแท้เสียก่อน แม้แต่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงแนะให้ใช้สติ และปัญญา ศึกษาค้นคว้าและไตร่ตรองให้แน่ว่า คำสั่งสอน นั้นเป็นความจริงที่เชื่อได้หรือไม่ ไม่ให้สักแต่ว่าเชื่อเพราะว่ามีผู้รู้บัญญัติไว้..."  
    
พระราชดำรัส ในพิธีถวายปริญญากิตติมศักดิ์
ของ มหาวิทยาลัยวิลเลียมส์
ณ วิลเลียมทาวน์ นครนิวยอร์ค 11 มิถุนายน 2510  

 

"...การพึ่งตนเองนั้นขึ้นอยู่กับคุณสมบัติประจำ บุคคลสองอย่าง คือความสามารถนำวิชาการที่ได้ศึกษามาใช้ใน การปฏิบัติงาน กับความ ฉลาดที่จะวินิจฉัยให้เห็นทางเสื่อมทางเจริญพร้อม ทั้งทางที่จะให้พ้น ความเสื่อมเพี่อดำเนินไปให้ถึงความเจริญ..."  
    
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 18 ธันวาคม 2512  

 
คัดลอกจาก กรมประชาสัมพันธ์

พระบรมราโชวาท

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

ผญ๋า ปริศนา

ผญ๋า ปรัชญาลาว ๆ 2

คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า  คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มสัปทน อย่าได้ลืมคนจนผู้แห่นำตีนซ้าง ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้วก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง
ใจประสงค์สร้าง กลางดงกะว่าท่ง ใจขี้คร้าน กลางบ้านกะว่าดง ถ้าใจสู้ (ขยัน) อยู่กลางป่าดงก็เหมือนกลางทุ่งถ้าเกียจคร้านแม้อยู่กลางหมู่บ้านก็เหมือนในกลางป่า
ใจบ่โสดาด้วยเว้าแม่นกะเป็นผิด ใจบ่โสดาดอมเว้าดีกะเป็นฮ้าย แม้นไม่สบอารมณแล้วจะพูดอย่างไรก็ไม่มีทางถูกใจได้
ตีเจ็บแล้วแสนสิออยกะปานด่า แม่นว่าเว้าจ้อยจ้อยกะปานไม้แดกตา เมื่อถูกตีเจ็บแล้วจะปลอบประโลมปานใดก็ไม่หายเจ็บ
อย่าสุไลเสียถิ้ม พงษ์พันธุ์พี่น้องเก่า อย่าสุละเผ่าเซื้อ ไปย่องผู้อื่นดี อย่าได้ลืมญาติพี่น้องของตัวเอง ไปยกย่องว่าผู้อื่นดีกว่า
ชื่อว่าโลกีย์กว้างเมืองคนมันบ่เที่ยง มันหากเงี่ยงซ่อยง่อยคือค่อยตลิ่งของลางเทื่อแนวเด็กน้อยสอนคนหัวด่อน ลางเทื่อลุก

ไพร่บ้านสอนท้าวพ่อพญาก็มีโลกนี้ไม่เที่ยงหนอ วันนี้ลูกหลานอาจสอนพ่อแม่ พ่อเมืองยังต้องเชื่อชาวบ้าน

เชื้อชาติแฮ้ง เหม็นสาบกันเอง ปูสอนปูให้ย่างตรง ห่อนฤสิทำได้
หญิงฮูปฮ้าย ครองวัตรพางาม ชายฮูบทราม วิชาพาฮุ่ง
ความตายนี้แขวนคอทุกบาดย่าง ไผก็แขวนอ้อนต้อน เสมอด้ามดังเดียว
ไปหาพระให้เอาของไปถวาย ไปหานายให้เอาของไปต้อน
เดินทางบ่อสุดเส้น อย่าถอยหลังให้เขาเหยียบ ตายขอให้ตายหน้าพุ้นเขาสิเอิ้นว่าหาญ
คนผู้มีความฮู้ ซูซีเฮ็ดบ่แหม่น ความฮู้มีท่อแผ่นฟ้า เป็นบ้าท่อแผ่นดิน
ให้เจ้าคอยเพียรสร้าง เสทอแตนแปงซ่อ ให้สร้างก่อสืบไว้ เสมอเผิ้งสืบฮัง
การงานนี้ อุปสรรคแสนหมู่ เกิดเป็นคนต้องสู้ อย่าถอยร่นหลีกหนี
บุญ บุญนี้บ่แหม่นของแบ่งได้ ปันแจกกันแหล่ว บ่อห่อนแยกออกได้ คือไม้ผ่ากลาง คือจั่งเฮากินข้าว เฮากินเฮาอิ่ม

บ่แหม่นไปอิ่มท้อง เขาพุ้นผู้บ่กิน

ไผผู้เฮียนฮ่ำฮู้ วิชาปราชญ์ทางใด ก็ให้มีใจจด เผิ่งวิชาที่ตนฮู้
ขอให้อดสาสู้ เพียรไปให้ถืกป่อง คุณอาจารย์ยกใส่เกล้า คนิงไว้อย่าสิลืม
ให้เจ้าเอาความฮู้ หากินในทางชอบ ความฮู้มีอยู่แล้ว กินได้ชั่วชีวัง
คันว่าได้ดีแล้ว อย่าลืมคุณพ่อแม่ เผิ่นหากเลี้ยงแต่น้อย ถนอมให้ใหญ่สูง
ตกกะเทินว่าได้เฮียนแล้ว สิเฮียนเหมิดสู่ซ่อง เฮียนให้เผิ่นได้ย่อง เหมิดถ้วนคู่สู่แนว
ตกกะเทินว่าได้สู้ บ่ถอยหลังให้เขาว่า นับแต่มื้อสิก้าวไปหน้า บ่ถอย
ฝนตกยังฮู้เอื้อน นอนกลางคืนยังฮู้ตื่น ความทุกข์ยังฮู้เตื้อง มีขึ้นเมื่อลุน
คำสอนพ่อแม่นี้หนักเกิ่งธรณี ผู้ใดยำเยงนบหากสิดีเมือหน้า
ยามยังน้อยให้หมั่นฮู้เฮียนคุณ บุญเฮามีสิยศสูงเพียงฟ้า
ได้ขึ้นเฮือแล้ว อย่าลืมแพป้องไม้ไผ่ ได้เป็นใหญ่แล้ว อย่าลืมข้าผู้พลอย
ชาติที่เงินคำแก้ว มันบ่แหม่นของไผ ผู้ใดมีใจเพียร หากสิหลงหลอนพ้อ
ไผผู้มัวเมาคร้าน การงานตั้งต่อ บ่มีวันสิพบพ้อ เงินล้านค่าแพง
ชื่อว่าแนวเด็กน้อย ตากอความคึดหม่อ ได้กอขอข้อหล่อ ความเว้าผัดอยู่ดาว
เด็กน้อยมีความฮู้สองสามความมันก็อ่ง ผู้ใหญ่ฮู้ตั้งล้านก็อำไว้บ่ค่อยไข
ชื่อว่าแนวความเว้าของคนมันเกินง่าย   ได้เทิงหงายและคว่ำความเว้าบ่อยู่ความเขาฮักเขาก็ย่อง เขาซังเขาก็ว่า

คือดั่งบักเค้าเม้า หมาเฒ่าเห่าแต่เขาคันเฮาทำดีแล้ว เขาซังก็ตามซ่าง   คันเฮาเฮ็ดแม่นแล้ว หยันหย่อก็ซ่างเขา
เขาสิพากันท้วง ทั้งเมืองก็บ่เงี่ยง   เขาสิติทั้งค่าย ขายหน้าก็บ่อายเกี้ยงแต่นอกทางในเป็นหมากเดื่อ หวานนอก
เนื้อในส้มดั่งหมากนาว

ผญ๋า ปรัญญาลาว ๆ อิสานเด้อ

คำสอนอิสาน โดยคุณย่าพ้นปี

สำนวนคำสอนชุดที่ 1

ไห่พากันฝ่าวเข่าย๊าเซาทางมันซิค่ำ
ตะเวนผัดแฮงค้อยทางนั่นผัดแฮงไกล
ทางเส้นนี่บ่แมนทางเทียวคือหมู่
ผู้สิไปบ่อนบั้นต้องเตรียมแล่วพ้วงแพ
เทิ้งเสบียงแลประทีปเอาไว้ส่องทาง.. เด้อแม่ใหญ่

ความหมาย ให้พากันรีบเร่ง หมั่นบำเพ็ญเพียร อย่าได้หยุดหย่อน เดี๋ยวจะตายเสียก่อน เพราะอายุมากแล้ว จุดหมายปลายทางคือที่สุดแห่งทุกข์นั้นมันยังอีกไกล ทางแห่งสัมมาอริยะนั้นไม่ใช่ทางสัญจรไปมาเหมือนถนนหนทางทั่วไป คนที่จะไปได้ต้องเตรียมปัจจัยพื้นฐานให้พร้อมคือ ศีล สมาธิ และปัญญา เพื่อใช้เดินทางแห่งอริยะนี้..ให้ถึงจุดหมายให้ได้..นะคุณยายนะ

สำนวนคำอีสานชุดที่ 2

พี่น้องเอ่ย… เพิ่นว่าแต่ก่อนกี้คนฮักแก่นแพงกัน
ความสัมพันธ์มีหลายระหว่างชนชุมเชื้อ
สิไปเหนือไปใต้ไปทางใด๋กะม่วนชื่น
บ่มีเงินบาทเบี้ยทางท้องกะอิ่มเต็ม
ตกมาในสมัยสุมื้อนี้มันเป็นแนวใหม่เสียแล้ว
เพิ่นว่าม้าโป่งเขา..ต้นเสาออกดอก งอศอกคุยกันตั๊วพี่นอ้ง
ยามไปเร็วกว่าม้ายามซ้าฮ่ายกว่าเกวียน
มาฮอดแล้วหัวดำออกก่อนหัวด่อนตามหลัง
เข้ายุคผู้หญิงหาผัว เจ้าหัวเงินเมินศิลสร้าง
ท้องมารบ่แมนลูก ข้าวปลูกบ่งอกโบราณเว้าให้เฮียนฟังเด้อ...

ความหมาย มีคำกล่าวไว้ว่าสมัยก่อนผู้คนรักใคร่ปองดองกัน มีความผูกพันธ์กันระหว่างชุมชนหมู่บ้าน จะไปเหนือไปใต้หรือที่ไหนๆ ก็มีแต่ความสงบสุข สนุกสนานแม้ไม่มีเงินสักบาทก็ยังไม่อดตายเพราะคนมีน้ำใจเกื้อกูลกันแต่มาสมัยทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปจากเดิมคือ เริ่ม... ตั้งแต่ความเจริญทางวัตถุเข้ามา เช่น
ม้าป่งเขาคือม้ามีเขาหมายถึงมอเตอร์ไซ ที่มีใช้กันเกือบทุกบ้านเสาออกดอกคือเสาไฟฟ้า ที่มีสายไฟฟ้าไปทุกแห่ง บนเสามีทั้งหลอดไฟฟ้าส่องสว่าง หรือฉนวนซึ่งดูเหมือนดอกเห็ดนั่นเอง งอศอกคุยกันคือคนอยู่ที่ไหนก็คุยกันได้ พูดอยู่คนเดียว โดยใช้โทรศัพท์เวลาคุยกับอีกคนหนึ่งหรือหลายคนที่ไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน เวลาคุยก็ต้องงอข้อศอกถือโทรศัพท์แนบหู เร็วกว่าม้าซ้ายามซ้าฮ่ายกว่าเกวียนคือรถยนตร์อีกไม่นานต้องจอดทิ้งไว้เพราะไม่มีน้ำมันเลยช้ากว่าเกวียน หัวดำออกก่อนหัวด่อนตามหลัง คือเด็กผมดำนำหน้าผู้ใหญ่ผมขาว เช่นเรื่องคอมพิวเตอร์และภาษาต่างประเทศ คนแก่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าจะตามเด็กไม่ทัน
เข้ายุคผู้หญิงหาผัวคือ สมัยต่อมาฝ่ายหญิงจะไม่ถือเนื้อถือตัว ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเลือกผู้ชายเอง การอยู่กินกันโดยไม่แต่งงานจะมีมากขึ้น ไม่พอใจก็เลิกรากันไป ไม่ถือเป็นเรื่องเสียหายอีกต่อไป เจ้าหัวหาเงินเมินศีลสร้างคือพระผู้ทรงศีลก็ไม่ค่อยอยู่ในศีลในธรรมจะหันมาชื่นชมอามิสสินจ้างสะสมเงินทอง ลาภยศแทนการบำเพ็ญภาวนา แทนการลดละเลิกกิเลสตัณหา ไม่ละอายบาป มารบ่แมนลูกคือต่อไปในอนาคตลูกในครรภ์จะไม่ใช่ลูกของตัวเองแต่จะเป็นลูกของผู้ที่มาจ้างให้ตั้งครรภ์ ไม่ต้องแต่งงานมีครอบครัวก็มึลูกได้ จะเป็นอาชีพใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ ข้าวปลูกบ่งอกคือจะเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง ดินฟ้าอากาศแปรปรวน จนเพาะปลูกไม่ได้ ผู้คนจะอดอยาก ล้มตายเพราะขาดอาหาร ฆ่าฟันกันง่ายๆ ให้ลองพิจารณาดูตามที่โบราณเล่าขานนี้





ที่มา:

Tags:

คำสอย วรรณกรรมอิสาณ

คำสอยหรือความสอย




ชาวอีสานเป็นกลุ่มชนที่รักความสนุกสนานเฮฮา ไม่ว่ากิจการงานใดก็แล้วแต่ โดยส่วนมากจะแฝงความสนุกสนานไว้ตลอด

อย่างเช่นคำสอยนี้ก็เช่นกัน ในช่วงเวลาหนึ่งอย่างหมอลำที่เป็นศิลปพื้นบ้านอีสาน ในขณะที่ฟังหลอลำกันอยู่แล้วเกิด่มีอารมณ์คึกคักสนุกสนาน

ก็จะพูดคำสอยขึ้นมาขั้นเป็นจังหวะทำให้บรรยากาศครึกครื้น เมื่อมีผู้กล่าวคำสอยเสร็จแล้ว บรรดาผู้ฟังทั้งหลายก็จะพากันเฮรับพร้อมกันเป็นที่สนุกสนานมาก เช่น

สอย... สอย... สาวส่ำน้อยงอยขี่ขอนจิก บาดห่าขอนพาพลิก ... โอ้ย เบิ่งบ่ได้

(กล่าวถึงการไม่สงบเสงี่ยมของสาววัยรุ่น)

สอย... สอย... สาวส่ำน้อยอยากได้ผัวดี เหลียวเบิ่งหีบ่ล้างจักเทื่อ

(เป็นการเปรียบเปรยหญิงที่อยากเจริญก้าวหน้าในชีวิต แต่ไม่พัฒนาตัวเอง)

สอย... สอย... นกแตดแต้บินข้ามปลายตาล ไผได้ผัวทหารผู้นั้นฮักซาติ

(ล้อเลียนหญิงสาวที่มีคู่รักถูกเกณฑ์เป็นทหาร)

สอย... สอย... นกขุ่มหลี่สี้นกกด สาวนั่งตดแตดโงโล่งโค่ง

(ล้อเลียนการไม่รู้จักสำรวมในการนั่งของหญิงสาว)

สอย... สอย... นกแตดแต้บินข้วมทางรถ สาวนอนตดหีหมอยเพิงเวิ้บ

(การไม่ระมัดระวังในการนอนของหญิงสาว)

สอย... สอย... นกแตดแต้บินข้วมทางเกวียน สาวนักเรียนสี้ครูประจำชั้น คันบ่เฮ็ดจั่งซั้นสิบ่ได้คะแนน

(การประพฤติผิดศีลธรรมระหว่างครูกับศิษย์)

สอย... สอย... หัวสิงไคเป็นกอพะยะ ผู้สาวมักพระ ตกนรกอเวจี

(เป็นการเตือนสติให้สาวเกรงกลัวต่อบาป)

สอย... สอย... นกขุ่มหลี่กุมสี้นกเต็น ผู้สาวนอนเว็น หีเหม็นเป็นตาหน่าย

(สอนหญิงสาวไม่ให้เกียจคร้าน)

สอย... สอย... ลูกสาวเดียวหีเคียวคือแม่ หีแม่หมอยหีลูกพวมป่ง

(ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น)

สอย... สอย... เฒ่าสิตายไปบายหำผัวว่าแม่นหมกหม่ำ จ้ำลูกจ้ำมันสิสวยโรงเรียน

(เป็นการแสดงถึงความเลอะเลือนของหญิงชรา)

สอย... สอย... เฒ่าสิตายบายโคยผัวว่าแม่นหัวไก่ตี "เสมอแดงสิบบาท" เอาเลยบักแดงลูกแม่

(แสดงความเลอะเลือนและลุ่มหลงในการพนัน)

สอย... สอย... เฒ่าสิตายตกโพนหมากพริก ลุกขึ้นได้แตดแข็งยิกยิก

(คนแก่แล้วไม่รู้จักเจียมสังขาร)

สอย... สอย... นกขุ่มหลี่สี้นกขุ่มลัน ผู้เฒ่าสี้กันทั้งเด้าทั้งตด

(คนหนุ่มมองคนแก่ในเรื่องเพศเป็นเรื่องขบขัน)

สอย... สอย... นกแคบแคบินข้วมหลังเล้า ผู้เฒ่าสี้กันหัวฟัดหัวเฟือน

(เป็นการสบประมาทความแก่ตามประสาคนหนุ่มที่ปากอยู่ไม่สุข)

สอย... สอย... เฒ่าสิตายอยากกินลาบกระต่าย บ่แม่นของหาง่ายดี้เฒ่าห่าตำหัว

(คนแก่เอาใจยากหรือคนแก่เอาแต่ใจตัวเอง)



.......คำสอยที่พัฒนาขึ้นมาให้เข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบัน ซึ่งสื่อมวลชน มีอิทธิพลเข้ามาในสังคมไทยอย่างรวดเร็ว วรรณกรรมคำสอยเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะ ย่อมมีการ พัฒนาตามไปด้วย

สอย... สอย... สาวส่ำน้อยบ่ฮู้จักเหยี่ยวถลาลม บัดเขาขึ้นโคม ช่วยด้วยพี่หลี่ถัง

สอย... สอย... สาวส่ำน้อยบ่ฮู้จักสรพงษ์ บัดเขาฮูดซิบลง นี่หรือดำอำมหิต

สอย... สอย... สาวส่ำน้อยบ่ฮู้จักกระทิงแดง บัดห่าเขาแทง กระทิงแดงซู่ซ่าส์

สอย... สอย... สาวส่ำน้อยบ่เคยเบิ่งทีวี บัดห่าโคยเข้าหี ช่องเจ็ดสีทีวีเพื่อคุณ

สอย... สอย... สาวส่ำน้อยบ่ฮู้จักบานเย็น (หมอลำ) บัดห่าเอ็นเข้าท้อง อย่าติงคีงน้องอย่าติง

คีง

สอย... สอย... สาวส่ำน้อยบ่ฮู้จักวาเปกซ์ บัดเขาเอาไปเต๊ก ดมวาเป็กซ์แก้หวัดไหมค่ะ

สอย... สอย... สาวส่ำน้อยบ่ฮู้จักเป๊บซี่ บัดห่าโคยเข้าหี ... เป๊บซี่ดีที่สุด

สอย... สอย... สาวส่ำน้อยบ่ฮูจักแล็คตาซอย บัดเขาดึงหมอย อาหารเสริมสำหรับคุณ

สอย... สอย... ลูกสาวคนเดียวให้เฮียนโรงเรียนราษฎร์ ถืกเขาฟาดท้องไข่อ่องล่อง

สอย... สอย... สาวเอกภาษาไทยบ่ฮู้จักกาพย์กลอน บัดเขาจับไปตอน นี่หรือสัมผัสนอกสัมผัสใน

สอย... สอย... สาวเอกภูมิศาสตร์บ่ฮู้จักแผนที่ บัดถืกโคยเข้าหี นี่หรือคืออ่าวไทย

สอย... สอย... สาวเอกอังกฤษบ่ฮู้จัก เอ บี ซี บัดห่าถืกเขาสี้ Do it again เด้ออ้าย

สอย... สอย... สาวเอกศิลป์บ่ฮู้จักพู่กัน บัดถืกเขาฟัน โอ้โฮ ฝีแปรงร้ายกาจ

สอย... สอย... สาวนักเรียนบ่ฮู้จักนายกรัฐมนตรี บัดถืกโคยเข้าหี นายกชวนส่อยข่อยแหน่



.......สอยแบบเสียดสีสังคมการเมืองก็มีครับ....

สอย สอย พี่น้องฟังสอย

หน่วยราชการแบ่งออกเป็นจังหวัด แล้วยังแบ่งเป็นภาค

แบ่งมากๆ จักว่าเฮ็ดอีหยัง เป็นตาซังเอาเหมิดสู่อย่าง

เงินเดือนกะเอา เงินตำแหน่งกะเอา เบี้ยเลี้ยงกะเอา เบี้ยป่วยกะเอา

ราษฎรทุกข์สิตาย เอาหยังครับ เฮอะเฮ่ย จั่งซี้กะว่าสอย

สอย สอย พี่น้องฟังสอย ฟังอย่างเดียว เขาว่าคนโง่ โต้อย่างเดียวเขาว่า หัวแข็ง

ตะแบงอย่างเดียวเขาว่า ผู้แทนพรรครัฐบาล เฮอะ เฮ่ย จั่งซี้กะว่าสอย

สอย สอย พี่น้องฟังสอย

กฎหมายเมืองเผิ่น บ่คือกฎหมายเมืองโต

กฎหมายเมืองโต คนรวยโกงเป็นหมื่นล้านบ่ติดคุก

บาดคนทุกข์ ลักบักพริกมาตำแจ่วหน่วยเดียว ติดตารางจ้อย

เฮอะ เฮ่ย จั่งซี้กะว่า กฎหมาย

ข้อมูลอ้างอิงจาก ข้อมูลจาก : www.isangate.com



http://isan.mfu.ac.th/soy1.htm

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

ฝากเยี่ยวกลับบ้าน

นิทานพื้นบ้าน เรื่องนี้มีอยู่ว่า




มีชายหนุ่มคนหนึ่งได้แต่งงานกับ หญิงสาวคนหนึ่งในหมู่บ้านเดียวกัน เป็นเวลาหลายปีแล้ว อยู่มาวันหนึ่ง น้องสาวเมีย ก็มาเยี่ยมพี่สาว น้องเมียคนนี้นับว่าเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ชายหนุ่มผู้เป็นพี่เขยนี้น คิดในใจอยู่เสมอว่าทำอย่างไรจึงจะได้มีอะไรกับน้องเมียคนนี้สักครั้ง วันนั้น ชายหนุ่มออกไปไถและคราดนาอยู่คนเดียว และที่ทุ่งนาของเขามีกระต๊อบหลังเล็ก ๆ ทำด้วยไม้ไผ่ มุงด้วยหญ้า มีฝารอบขอบชิดอยู่หลังหนึ่ง ปกติแล้วเมียเขาต้องมาส่งกับข้าว แต่วันนี้ เผอิญเมียเขาไม่ค่อยสบาย จึงใช้ให้น้องสาวไปส่งข้าวและอาหารแทน ชายหนุ่มเริ่มวางแผนชั่วทันที โดยบอกว่า แถวนี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ ห้ามทำอะไรที่ไม่ดีน่ะ เดี่ยวท่านจะโกรธ พอดี ทันไดนั้น น้องเมียปวดเยี่ยวขึ้นมากระทันหัน จึงบอกพี่เขยว่า ให้กินเร็ว ๆ จะกลับไปเยี่ยวที่บ้าน เพราะกลัวสิ่งศักดิ์สิทธ์ พี่เขยเลยได้โอกาศ จึงบอกน้องเมีย ว่า พี่ขอฝากเยี่ยวหน่อยได้ไหม พี่ก็ปวดเหมือนกัน น้องเมียงง จะฝากกันยังไง เลยถามพี่เขยว่า ต้องอย่างไง พี่เขยบอกว่า พี่ทำอะไรก็ไม่ต้องพูด ห้ามเสียงดัง มาเดี่ยวพี่พาไปฟากเยี่ยว "น้องเมียหลงกลและรับคำ" จึงพาไปถึงกระต๊อบก็ให้น้องเมียนอนลง แล้วทำการฝากเยี่ยวให้กับน้องเมียจนสำเร็จเสร็จสมอารมณ์หมาย เมื่อพี่เขยฝากเยี่ยวเสร็จแล้ว น้องเมียก็เดินทางกลับบ้านและไปเยี่ยวที่บ้าน ขณะที่เยี่ยวอยู่ก็คิดในใจว่า พี่เขยฝากเยี่ยวมาด้วยนี้ มันรู้สึก คัน ๆ เจ็บ ๆ มันส์ ๆและรู้สึกเสียวดี ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ พี่เขยจะฝากเยี่ยว กลับบ้านอีกไหมน้อ?



นิทานพื้นบ้าน เรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า ความไร้เดียงสานั้น ตกเป็นเหยือของคนไม่ดีได้

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

หมากัด

เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๘ ส.ค. ๒๕๕๓ เช้าเราเดินไปที่บริเวณบ้านของน้องสาว ซึ่งมีหมาอยู่ที่บ้าน ๒ ตัว ตัวเมียอยู่ในช่วงพร้อมที่จะเจริญพันธ์ จึงเป็นเหตุให้เจ้าตัวผู้มีอารมณ์หึงหวงแสดงอาการหื่น กระหาย และดุร้ายกับทุก ๆ คนที่เดินไปใกล้ในเขตแดน มันจะแสดงอาการข่มขู่ จ้องมองด้วยสายตาที่มุ่งร้าย พร้อมที่จะกัดทุกคนเพราะมันคิดว่าจะไปแย่งแฟนของมัน ช่วงจังหวะที่เราพูดคุยเสร็จธุระกำลังจะหันหลังเดินกลับบ้านตัวเอง บังเอิญเจ้าตัวเมียก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งผ่านมาทางเรา ทันทีทันใดนั้นเอง เจ้าตัวผู้ก็วิ่งเข้ามาชาร์ทกระโดดเข้ามากัดเราทันทีโดยไม่สามารถมารถหลบหลีกหรือป้องกันตัวได้เลย มันมับเข้าตรงชายโครงด้านซ้าย คมเขี้ยวงับผ่านเสื้นยืดกีฬาเข้าไปทำให้ผิวหนังเราถลอกเป็นรอยเขี้ยวเต็มคำ แต่เราก็อโหสิให้กับการกระทำของมัน เพราะมันทำด้วยความหึงหวงตามสัญชาติญาณของสัตว์ สำหรับคนที่เป็นข่าวในเรื่องหึงหวงแล้วจบปัญหาด้วยการทำร้ายซึ่งกันและกันที่ได้รับทั้งบาดเจ็บหรือตายไป เราคิดว่าเขาเหล่านั้นขาดสติ ความไตร่ตรอง ยั้งคิด จึงได้แสดงสัญชาติญาณของสัตว์ออกมา ดังนั้นเมื่อเราได้เกิดมาเนคนแล้วซึ่งนับว่าเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งในโลกใบนี้ที่มีสมองใหญ่กว่าสัตว์ใดใด ก่อนจะแสดงอาการหรือพฤติกรรมใดใดก็ตามที่เป็นสัญชาติญาณของสัตว์ออกมา ก็ความได้มีสติระงับอาการพฤติกรรมนั้น ๆ ไว้เสีย ควรพึงสำรวมสงบจิตสงบใจให้บังเกิดเป็นกุศลกับตนและคนอื่นเทอญ

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ให้บริการ

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เราได้ให้ใช้สถานที่เพื่อบริการให้บุคลากรจากหน่วยอื่นเข้ามาใช้อินเตอร์เน็ต โดยเจ้าของงานเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสำนักงานเขตฯ งานการใช้โปรแกรมข้อมูลเกี่ยวกับการป้องและแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งต้องนับว่าเป็นปัญหาที่ทุกหน่วยงานต้องเอาใส่ดูแลอย่างจริงจังงานจึงจะมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้บริหารระดับสูงของแต่ละหน่วยต้องติดตามอย่างจริงจังตลอดจนการประสานร่วมกับองค์กรอื่นด้วย หวังว่าปัญหายาเสพติดคงจะลดลงถึงแม้ว่าจะไม่หมดไปก็ตาม อาเมน

pom2010

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตนั้นสั้นนัก

วันนี้ มีอาการระบบแผลถูกสุนัขเล็กน้อย ตื่นเช้าทำงานบ้านตามปกติ ทำกับข้าวทานอาหารเช้าแล้วซักผ้าชุดปกติขาวที่แขวนไว้สองสัปดาห์แล้วหลังจากนั้นได้พักผ่อนเผลอหลับไป ภรรยาได้มาปลุกและบอกว่าจะย้อมผมให้ ขณะนั้นเวลาเที่ยงกว่าๆแล้ว หลังจากย้อมผมเเสร็จก็นั่งรอให้สีย้อมจับผมส่วนภรรยาไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปร่วมพิธีฌาปณกิจศพของน้องเมล์ ณ วัดไทยเทพนิมิตร ระหว่างรอโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นน้องแนนโทรมาบอกว่าที่งานได้เริ่มพิธีทางศาสนาแล้ว เราจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินทางไปที่วัดทันที ถึงวัดร่วมพิธีในบรรยากาศที่โศกเศร้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่แก้ว รัตนมัณฑรีย์ ผู้เป็นแม่ ซึ่งน้องเมล์ผู้ตายพึ่งจะได้รับงานเป็นอาจารย์สอนที่ราชภัฏสกลนคร มีอายุเพียง 26 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ 3 ปีคุณพ่อน้องเมล์ก็ได้เสียชีวิตไปก่อนแล้ว  สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตของน้องเมล์เกิดจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนจักยานยนต์ของน้องเมล์ทำให้กระดูกต้นขาขวาหักหมอให้พักรอผ่าตัดดามกระดูก จากเหตุดังกล่าวก็ไม่น่าจะทำให้น้องเมล์ถึงกับเสียชิวิตได้ ในระหว่างพักรอที่โรงพยาบาล 2-3 วัน จู่ๆน้องเมล์หายใจไม่ออกพยาบาลนำเครื่องมือแพทย์ช่วยกระตุ้นหัวใจแต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของน้องเมล์ไว้ได้ วันนี้เป็นวันที่ไปส่งร่างน้องเมล์สู่เมรุตามประเพณีไทย ขอให้ดวงวิญญาณของน้องจงไปสู่สรวงสวรรค์ เสวยสุขยังทิพย์พิมาน เทอญ.

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรียนรู้

ในโลกที่ซับซ้อนโดยระบบไฮเทคโนโลยี จำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งต่างที่เกิดขึ้นมากมายในแต่ละวินาที ฉะนั้นการเรียนรู้ด้วยตนเองจึงสิ่งสำคัญยิ่ง ถึงแม้จะไม่รู้เรื่องหรือไม่เข้าใจในสิ่งใดใดก็ตามเราจำเป็นต้องลองผิดลองถูก ทำซ้ำๆๆ บ่อยๆๆ ประกอบกับการตั้งข้อสังเกตการเปลี่ยนแปลงก็จะทำให้เราค่อยๆเกิดความเข้าใจและสามารถนำไปสังเคระห์กับงานที่เราต้องการได้

pom_2010

เปิดตัว

pomkk เป็นบล็อกเปิดใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นสื่อกลางสื่อสารสำหรับชาวเน็ตทุกเเพศวัย ฉนั้นการใช้คำพูดหรือตั้งกระทู้ใดใดผู้เขียนควรรักษามารยาทเนื่องจากเน็ตเป็นสาธารณะ การพาดพิงใดใดอันเป็นที่เสื่อมเสียหรือทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ผู้โพสต้องรับผิดชอบ ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมและร่วมกันสร้างสรรค์ด้านที่ตนเองชอบ
 
ขอบคุณ

pom_2010